วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559

ไม่น่าเชื่อลดน้ำหนักด้วยการดื่มน้ำ ลดได้ถึง 44 % ใน 14 สัปดาห์

ลดน้ำหนักด้วยการดื่มน้ำอีกวิธีที่ควบคุมน้ำหนักได้อย่างง่ายๆและปลอดภัยคือการดื่มน้ำในปริมาณที่พอเหมาะค่ะ
มาดูกันสิว่าการดื่มน้ำ จะช่วยเราควบคุมน้ำหนักได้อย่างไร
ยาลดน้ำหนักที่ราคาถูกที่สุดรวมถึงมีผลข้างเคียงน้อยที่สุดคือน้ำเปล่าค่ะ จากงานวิจัยของเดนนิสและคณะพบว่า ผู้ลดน้ำหนักที่ดื่มน้ำ 500 ml ก่อนอาหารทุกมื้อจะเพิ่มประสิทธิภาพของการลดน้ำหนักได้ถึง 44 % ใน 14 สัปดาห์ และจะดีขึ้นถ้าเป็นน้ำเย็นเนื่องจากการรับประทานน้ำเย็นจะทำให้ร่างกายต้องเผาผลาญพลังงานมากขึ้น มาเริ่มต้นดูสุขภาพง่ายๆด้วยการดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารกัน

 
เห็นมั้ยว่าการลดน้ำหนักนั้นสามารถทำได้หลายวิธีอยู่ที่เราจะเลือกวิธีไหน ยังไงแล้วก็อย่าไปเลือกวิธีที่เป็นอันตรายกับตัวเองนะค่ะ
ข้อมูลดีๆจาก หมอฟ้าตอบปัญหาผิว

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2559

อ.สาวหนีทุนเรียนนอก รับไม่ได้ให้ชดใช้ทุนคืน 3 เท่า!!



จากกรณีที่ทันตแพทย์รายหนึ่งได้ออกมาเผยแพร่ประสบการณ์การเซ็นค้ำประกันให้กับอาจารย์ภาควิชาทันตกรรมสำหรับเด็ก คณะทันตแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยชื่อดังรายหนึ่งที่ได้ทุนไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา แต่ปรากฏว่าหญิงสาวไม่กลับมาใช้ทุน ทำให้เพื่อนร่วมงาน คนรู้จัก และอาจารย์ ที่เป็นผู้เซ็นค้ำประกันร่วมกัน ต้องจ่ายเงินค่าผิดสัญญา เป็นเงิน 2 ล้านกว่าบาท

ล่าสุด 28 ม.ค. สำนักข่าวดัง อิศรา ได้ตรวจสอบไปยัง ทันตแพทย์ เผด็จ พูลวิทยกิจ ทันตแพทย์ที่โพสต์เรื่องลงเฟซบุ๊ก โดย ทพ.เผด็จ ระบุว่า ตนตั้งใจโพสต์เรื่องราวเพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้กับคนที่คิดจะเซ็นค้ำประกันอะไรให้กับใคร ควรตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อน มิเช่นนั้นอาจเกิดกรณีแบบตนก็เป็นได้ ซึ่งกรณีนี้น่าจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในวงการแพทย์มหิดลอีกด้วย หลังจากที่โพสต์ไป ตนรู้สึกสบายใจมาก เพราะได้ชดใช้หนี้หมดแล้วซึ่งไม่ได้คิดว่าจะใส่ร้ายใคร แต่พอโพสต์ไปแล้วก็มีคนบอกให้เปิดโพสต์เป็นสาธารณะ เพื่อที่คนอื่นจะได้มาเห็น และคู่กรณีจะได้มาเห็นว่าตนรู้สึกอย่างไร และเดือดร้อนมากแค่ไหน
ทพ.เผด็จ ได้เล่าว่า รู้จักกับอาจารย์สาวรายดังกล่าวเป็นการส่วนตัว แต่รู้จักกับอาจารย์ของอาจารย์สาวรายดังกล่าวอีกที ซึ่งเขาขอให้ตนช่วย และเราก็เห็นตรงกันว่าหากอาจารย์สาวรายดังกล่าวเรียนจบ ก็จะได้กลับมาทำงานรับใช้ประเทศของเรา ตนจึงยอมเซ็นค้ำประกัน ซึ่งผู้ที่เซ็นค้ำประกันก็มี อาจารย์ของอาจารย์ดังกล่าว 2 คน และเพื่อนอีกคนหนึ่ง และหลังจากที่อาจารย์สาวหนีทุน ไม่กลับมา ตนและผู้ค้ำประกันรายอื่น ๆ ก็ต้องร่วมกันชดใช้หนี้ ตอนแรกต้องชดใช้เป็นเงินประมาณ 30 ล้านบาท แต่ได้ไปทำเรื่องขอต่อรอง ก็เหลือจ่ายเงินต้นไม่รวมค่าปรับอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท กระทั่งชดใช้เรื่อยมาจนหมด ตนก็เอามาโพสต์ในเฟซบุ๊ก เพราะถือว่าหมดหนี้เวรหนี้กรรมแล้ว
ตนเคยคุยโทรศัพท์กับอาจารย์สาวรายดังกล่าว โดยได้บอกว่าจะไม่ทำให้ตนเดือดร้อน แต่ก็ไม่รู้ทำไมตนถึงยังเดือดร้อนอยู่ ส่วนเหตุผลที่เขาไม่กลับมาประเทศไทยนั้น เพราะว่าเขาแต่งงานกับชาวต่างชาติ มีลูก 1 คน และบอกว่ารับไม่ได้ที่ระบบขอทุนประเทศเราเอาเปรียบ ให้ชดใช้เงิน 3 เท่า แต่ตนก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ในเมื่อเขาตัดสินใจขอทุนไปแล้ว ก็ต้องรู้ว่าเงื่อนไขเป็นอย่างไร ถ้ารับไม่ได้ก็ไม่ต้องไป ซึ่งตนคิดว่าการมาบอกว่ารับไม่ได้นั้น มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ตั้งแต่เกิดเรื่องอาจารย์สาวรายดังกล่าวก็เคยส่งเงินมาให้ แต่มันน้อยมาก และล่าสุดก็บอกว่าจะไม่จ่ายแล้ว และไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับเขาอีก ซึ่งเขาไม่รู้เลยหรือว่าตนเดือดร้อนแค่ไหน เพราะตนมีลูก 2 คน ลูกบุญธรรมอีก 2 คน รวมเป็น 4 คน
ทพ. เผด็จ กล่าวอีกว่า ที่ตนโพสต์ในเฟซบุ๊กนั้น ที่อาจารย์สาวจะตั้งทนายขึ้นมาสู้ คิดว่าคงสู้ไม่ไหว เพราะต้องบินไปกลับเมืองนอก ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายตามมา ตนจึงคิดว่าจะไม่ทำอะไรแล้ว ปล่อยให้ผ่านไป จะเป็นบทเรียนว่าอยากไปหลงเชื่อใครง่ายๆ แม้กระทั้งคนที่มีการศึกษาดี หรือมีจากครอบครัวที่ดีขนาดไหนก็ตาม ทั้งนี้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ก็มีจดหมายตอบกลับมาว่า เรื่องนี้เป็นส่วนส่วนตัว

ขอบคุณที่มา >> Facebook >>>ทพ.เผด็จ หมอทอม

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2559

พูดเป็นเล่น! TATA NANO รถยนต์ที่ราคาถูกที่สุดในโลก แค่ 52,300 บาท

ริงๆ แล้วกระแสของรถยนต์รุ่นนี้มีมากันตั้แต่ต้นปี 2015 มาแล้วน่ะครับ สำหรับ Tata Nano ที่มีราคาอยู่ที่ 52,300 บาท ซึ่งถือว่าเป็นรถยนต์ที่ราคาถูกที่สุดในโลก ก็ว่าได้ แต่อย่างไรก็ตามกระแสข่าวนั้นยังบอกด้วยว่า แม้ว่ามันจะมีราคาถูกมาก แต่ก็มีปัญหาในเรื่องของคุณภาพความปลอดภัย ถึงขนาดว่ารุ่นก่อนหน้านี้ผู้บริหารติดคุกกันมาแล้วกับปัญหาไฟไหม้
ข้อมูลที่ได้นั้นระบุว่า Tata Nano ได้รับการพัฒนาตัวถังให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ส่วนเครืรองยนต์นั้นจะใช้บล็อก 2 สูบ 624 ซีซี 38 แรงม้า และอาจจะมีรุ่น CNG มาให้เลือกด้วย
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลที่เราไปค้นมานั้นในช่วงกลางปี 2015 ทางด้านค่ายรถยนต์ Tata ได้เผยโฉม Tata Nano GenX ที่มีการอัพเกรดส่วนต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมากกมาย ซึ่งเป็นการพัฒนารถยนต์ในรุ่นนี้ โดยในส่วนของ Tata Nano GenX นั้นมีให้เลือกกันมากถึง 5 รุ่นได้แก่ XE, XM, XT มีให้ใช้ทั้งระบบเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ

ส่วนเครื่องยนต์นั้นใช้เครื่อง 2 สูบ ความจุ 0.6 ลิตร 38 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 51 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 25 กม./ลิตร

ส่วนราคาจำหน่ายนั้นเริ่มต้นที่ 104,000 บาทเท่านั้น ซึ่งก็ยังถือว่าถูกที่สุดในโลกอยู่ดี ส่วนใครที่อยากได้ก็ต้องมานั่งลุ้นว่าจะมีตัวแทนจำหน่ายในไทยรายไหนจะนำเข้ามากันบ้าง แต่บอกเลยว่าราคาอาจจะพุ่งขึ้นสูงกว่านี้แน่นอนครับ ภาษีรถยนต์บ้านเราต้องทำใจ หึหึ
ที่มา:http://www.xn--12c1bij4d1a0fza6gi5c.com/พูดเป็นเล่น-tata-nano-รถยนต์ที่ราคาถูกที่สุดในโลก-แค่-52300-บาท-ผมซื้อ.htmlริงๆ แล้วกระแสของรถยนต์รุ่นนี้มีมากันตั้แต่ต้นปี 2015 มาแล้วน่ะครับ สำหรับ Tata Nano ที่มีราคาอยู่ที่ 52,300 บาท ซึ่งถือว่าเป็นรถยนต์ที่ราคาถูกที่สุดในโลก ก็ว่าได้ แต่อย่างไรก็ตามกระแสข่าวนั้นยังบอกด้วยว่า แม้ว่ามันจะมีราคาถูกมาก แต่ก็มีปัญหาในเรื่องของคุณภาพความปลอดภัย ถึงขนาดว่ารุ่นก่อนหน้านี้ผู้บริหารติดคุกกันมาแล้วกับปัญหาไฟไหม้
ข้อมูลที่ได้นั้นระบุว่า Tata Nano ได้รับการพัฒนาตัวถังให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ส่วนเครืรองยนต์นั้นจะใช้บล็อก 2 สูบ 624 ซีซี 38 แรงม้า และอาจจะมีรุ่น CNG มาให้เลือกด้วย
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลที่เราไปค้นมานั้นในช่วงกลางปี 2015 ทางด้านค่ายรถยนต์ Tata ได้เผยโฉม Tata Nano GenX ที่มีการอัพเกรดส่วนต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมากกมาย ซึ่งเป็นการพัฒนารถยนต์ในรุ่นนี้ โดยในส่วนของ Tata Nano GenX นั้นมีให้เลือกกันมากถึง 5 รุ่นได้แก่ XE, XM, XT มีให้ใช้ทั้งระบบเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ

ส่วนเครื่องยนต์นั้นใช้เครื่อง 2 สูบ ความจุ 0.6 ลิตร 38 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 51 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 25 กม./ลิตร

ส่วนราคาจำหน่ายนั้นเริ่มต้นที่ 104,000 บาทเท่านั้น ซึ่งก็ยังถือว่าถูกที่สุดในโลกอยู่ดี ส่วนใครที่อยากได้ก็ต้องมานั่งลุ้นว่าจะมีตัวแทนจำหน่ายในไทยรายไหนจะนำเข้ามากันบ้าง แต่บอกเลยว่าราคาอาจจะพุ่งขึ้นสูงกว่านี้แน่นอนครับ ภาษีรถยนต์บ้านเราต้องทำใจ หึหึ

วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559

เตรียมใจ ธนาคารโลกชี้ เศรษฐกิจไทยจะอ่อนแอที่สุดในอาเซียน

สื่อข่าวต่างประเทศได้มีการรายงานโดยอ้าง รายงานของธนาคารโลกที่คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ซึ่งในประเทศจีน มีการคาดว่าเศรษฐกิจจะโตช้าลงในปี 2016 โดยจะมีการโตช้าลงถึง 2.9% จากปี 2015 ดัชนีผลิตภัณฑ์มวลรวมจะลดลงจาก 6.9% ในปีที่แล้ว เป็น 6.7%ในปี 2016 ในขณะที่รัสเซียและบราซิลจะยังคงเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
ทางด้านเอเชียตะวันออกและภาคพื้นแปซิฟิก ธนาคารโลกคาดว่าจะมีการเติบโตช้าลง 1.56% โดยจะลดลงจาก 6.4% ในปี 2015 เป็น 6.3% ในปีนี้
ทั้งนี้ด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในประชาคมอาเซียน ในประเทศไทย ธนาคารโลกได้คาดการณ์ว่าดัชนีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) จะตกไปอยู่ที่ 2% จากปีที่แล้วที่อยู่ที่ 2.5% เนื่องจากข้อจำกัดในการบริโภคของคนในประเทศที่เป็นสาเหตุมาจากหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นและการเติบในด้านการส่งออกที่ลดลง
ทางด้านมาเลเซีย GDP ก็จะลดลงเหลือ 4.5% จาก 4.7% ในปีที่แล้ว ในขณะที่คาดการณ์ว่า พม่า ลาว เวียดนาม ฟิลิปปิน และอินโดเนียเซีย จะมีการเติบโตที่แข็งแกร่งขึ้น โดยผู้นำการเติบโตนี้คือประเทศพม่า GDP พม่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7.8% จากในปีที่แล้วเพียง 5.8% ตามมาด้วยลาวที่คาดการณ์ว่าจะถึง 7% จากปีที่แล้ว 6.4% และกัมพูชาที่จะคงเดิมที่ 6.9%ในปีที่แล้ว
ด้านประเทศเวียดนาม ธนาคารโลกกล่าวว่ามีการเติบโตของลงทุน การบริโภค และการส่งออกอย่างรวดเร็วและ GDP ก็จะโตขึ้นจาก 6.5%ในปีที่แล้ว เป็น 6.6% ได้

วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2559

โลกตะลึง!! นักวิจัยคิดค้น “แว่นอัจฉริยะ”…ที่สามารถช่วยให้คนตาบอดมองเห็นได้

กลายเป็นข่าวฮือฮาที่ทำเอาคนตาบอดรู้สึกมีความหวัง เมื่อล่าสุดทีมวิจัยที่คิดค้น “นวัตกรรมแว่นอัจฉริยะ” ที่จะช่วยให้คนตาบอด ที่ยังพอมีศักยภาพในการมองเห็นเหลืออยู่ สามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง!!!
โดยนี่ถือเป็นการพลิกโฉมวงการเทคโนโลยีอย่างแท้จริง ซึ่งเกิดจากการร่วมมือของทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Oxford และองค์กรRoyal National Institute of Blind People (RNIB) และคว้าเงินลงทุนจาก Google ไปถึง 500,000 ปอนด์ (27,029,632 บาท)
แว่นอัจฉริยะนี้ประกอบด้วยกล้องวีดีโอ และไมโครชิพประมวลผลอัจฉริยะ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นดั่งโปรแกรมแปลงสภาพที่ช่วยจำลองภาพที่มองเห็นขึ้นมาในม่านตาได้ นอกจากนี้พวกเขายังนำไปทดลองจริงกับคนตาบอด ที่ยังมีศักยภาพในการมองเห็นหลงเหลืออยู่กว่า 1,000 รายแล้วอีกด้วย
ซึ่งเครื่องช่วยการมองเห็นนี้ หากพัฒนาสำเร็จจะมีราคาเพียง 300 ปอนด์เท่านั้น (ราว 16,222 บาท) โดยคาดว่าจะวางจำหน่ายทั่วโลกในปี 2016 นี้…เหมียวขอปรบมือให้เลยเพราะนี่คืองานวิจัยที่คืนความสุขให้คนตาบอดอย่างแท้จริง

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559

10 อันดับ โครงการก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก

10 อันดับ โครงการก่อสร้างที่แพงที่สุดในโลก
 
 
 
สิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงในโลกทุกวันนี้ที่เรารู้จักกันดี กว่าจะมาเป็นสถานที่อันสวยงามเลื่องชื่อ ล้วนใช้งบประมาณและระยะเวลาก่อสร้างไม่น้อย เว็บไซต์ 360trendz นำเสนอ 10 อันดับโครงการก่อสร้างที่แพงที่สุดโลก มาดูกันว่าสิ่งก่อสร้างเหล่านี้จะตั้งอยู่มุมไหนของโลกบ้าง
 
 
10. อุโมงค์ช่องแคบอังกฤษ (The Channel Tunnel) งบประมาณ 22,400 ล้านดอลลาร์
อุโมงค์ช่องแคบที่มีความลึกกว่าระดับน้ำ ตั้งอยู่ระหว่างชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ของอังกฤษและชายฝั่งทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ดำเนินการโดยกลุ่มทุน Eurotunnel ซึ่งเป็นการรวมตัวของบริษัทของอังกฤษและฝรั่งเศส 15 บริษัท โดยเหตุผลที่งบประมาณพุ่งกระฉูดจากเดิมที่ตั้งไว้กว่า 80% เพราะต้องการเพิ่มความปลอดภัยและมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นกว่าเดิม
 
 
9. โครงการถนนไฮเวย์ The Big Dig งบประมาณ 23,100 ล้านดอลลาร์
โครงการถนนไฮเวย์ในเมืองบอสตันที่ใช้งบประมาณมหาศาล สร้างขึ้นเพื่อปรับเปลี่ยนเส้นทางหลักบางเส้นในพื้นที่เมืองบอสตัน ได้แก่ ถนน I-93 ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญในพื้นที่ดังกล่าว จุดประสงค์เพื่อให้สัญจรเข้าสู่ใจกลางเมืองได้โดยตรง และตั้งชื่ออุโมงค์นี้ว่า "Thomas P. O’Neill Jr." โครงการนี้ประสบปัญหาทั้งทางด้านการเงินและการบริหารจัดการ รวมถึงการออกแบบที่บกพร่อง ต้องสูญเสียงบประมาณอีกเกือบ 400 ล้านดอลาร์ในการซ่อมแซม และที่สร้างความสลดใจคือมีผู้เสียชีวิตจากแผ่นคอนกรีตที่หล่นลงมาทับรถยนต์ในระหว่างการก่อสร้างอีกด้วย
 
 
8.สนามบินนานาชาติคันไซ ประเทศญี่ปุ่น งบประมาณ 29,000 ล้านดอลลาร์
สนามบินที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองโอซาก้า โดยสร้างเป็นเกาะแยกต่างหากเพื่อป้องกันระบบแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ที่อาจเกิดขึ้นในภูมิภาค รวมถึงป้องกันเสียงที่อาจเกิดขึ้นรบกวนคนในชุมชน
 
 
7.รถไฟไฮสปีดเทรน แคลิฟอร์เนีย (California High-Speed Rail) งบประมาณ 33,000 ล้านดอลลาร์
เริ่มดำเนินการในปี 2015 และคาดว่าจะแล้วเสร็จเฟส 1 ในปี 2029 โดยงบประมาณนี้เป็นงบประมาณตั้งต้น และเป็นโครงการแรกๆภายใต้นโยบายของประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพื่อที่จะเชื่อมต่อเส้นทางในหลายๆเมืองในสหรัฐฯด้วยรถไฟความเร็วสูง
 
 
6.ย่านธุรกิจ Songdo ในโซล เกาหลีใต้ (Songdo International Business District) งบประมาณ 40,000 ล้านดอลลาร์
พื้นที่ที่ถูกสร้างมาจากการปรับปรุงที่ดินในมหาสมุทร บริเวณใกล้กับสนามบินนานาชาติอินชอน ในโซล เกาหลีใต้ โดยตั้งงบประมาณตั้งต้นไว้ที่ 40,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้เป็น "สมาร์ท ซิตี้" โดยเมืองนี้จะเพียบพร้อมด้วยไวไฟความเร็วสูง ระบบรีไซเคิลอัตโนมัติ และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอื่นๆ ขณะเดียวกันยังมีแบบจำลองของเมืองอื่นๆมาไว้ที่นี่ เช่น เซ็นทรัล พาร์ค ในนิวยอร์ก ที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด ซึ่งย่านธุรกิจ Songdo นี้จะกลายเป็นทั้งแหล่งติดต่อธุรกิจการค้า รวมถึงการท่องเที่ยวในอนาคต
 
 
5. ดูไบแลนด์ (Dubailand) งบประมาณ 76,000 ล้านดอลลาร์
โครงการนี้สร้างขึ้นในปี 2008 แต่ต้องหยุดชะงักจากวิกฤตการเงินในประเทศ และกลับมาก่อสร้างอีกครั้งในปี 2013 โดยงบประมาณ 76,000 ล้านดอลลาร์ หากก่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นหนึ่ง ในสวนสนุกที่ใหญ่และมีมูลค่ามหาศาลที่สุดในโลก โดยมีธีมมาจากนิทานอมตะของอาหรับคือ นิยายพันหนึ่งราตรี ส่วนแรงผลักดันที่ทำให้เกิดสวนสนุกแห่งนี้มาจากความต้องการที่จะเพิ่มกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวให้เป็นกลุ่มครอบครัวมากขึ้น
 
 
4.โครงการเมือง King Abdullah Economic งบประมาณ 86,000 ล้านดอลลาร์
เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากนครมักกะฮ์เพียง 1 ชั่วโมง และกำลังจะกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่ของซาอุดิอาระเบีย โดยจะเป็นเมืองที่มีทั้งโรงแรมระดับหรู ที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงและสนามบินขนาดใหญ่ ซึ่งเมืองดังกล่าวนี้สร้างโดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่ก่อสร้างตึกที่สูงที่สุดในโลกอย่าง Burj Khalifa ในดูไบ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
 
 
3.โครงการ Kashagan Fields งบประมาณ 116,000 ล้านดอลลาร์
ตั้งอยู่บนทะเลแคสเปียน โดยเป็นแหล่งค้นพบน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อ 40 ปีที่แล้ว งบประมาณมหาศาลนี้นำมาใช้ในจุดประสงค์เพื่อที่จะผลิตน้ำมันให้ได้มากกว่า 90,000 บาร์เรลต่อวัน และการก่อสร้างกำลังจะเริ่มขึ้นในปี 2017 โดยมีบริษัทน้ำมันที่เป็นพาร์ทเนอร์หลายราย เช่น Shell, Exxon Mobil, Total, China National Petroleum Corp, KazMunaiGas, INPEX ฯลฯ
 
 
2.สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) งบประมาณ 150,000 ล้านดอลลาร์
เกิดจากความร่วมมือของนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ, รัสเซีย,แคนาดา,ญี่ปุ่น, เบลเยี่ยม, เดนมาร์ก ฯลฯ และสถานีอวกาศนี้จะปลดประจำการในปี 2020 หลังจากให้บริการมาเป็นเวลา 26 ปี
 
 
1ทางหลวงไฮเวย์เชื่อมระหว่างรัฐในสหรัฐอเมริกา (The US Interstate Highway System) งบประมาณ 459,000 ล้านดอลลาร์
โครงการเส้นทางที่เชื่อมระหว่างมลรัฐต่างๆในสหรัฐฯ ก่อสร้างขึ้นในสมัยประธานาธิบดี Dwight D. Eisenhower ตั้งแต่ปี 1956 แล้วเสร็จในปี 1992 โดยเริ่มเชื่อมต่อระหว่างเมืองตั้งแต่รัฐ Nebraska ไปจนถึงรัฐ Colorado
 
 
ที่มา : ข้อมูลจาก 360trendz.com , เรียบเรียงโดยประชาชาติฯออนไลน์